สันติภาพโคลอมเบีย

บทความ “สันติภาพคือการพัฒนาที่ยั่งยืนของสาธารณรัฐโคลอมเบีย” จาก ฯพณฯ นายอันเดลโฟ การ์เซีย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโคลอมเบียประจำประเทศไทย

หลังใช้เวลากว่า 50 ปี รัฐบาลสาธารณรัฐโคลอมเบีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส ประสบความสำเร็จในการเจรจาสันติภาพกับกองกำลังการปฏิวัติแห่งสาธารณรัฐโคลอมเบีย นำไปสู่การลงนามข้อตกลงวางอาวุธเมื่อ 23 มิ.ย.2559 ที่กรุงฮาวานา คิวบา ด้วยการสนับสนุนจากองค์กรนานาชาติต่างๆ

ถึงแม้จะมีความพยายามของรัฐบาลโคลอมเบียมาหลายทศวรรษในการเจรจาสันติภาพกับกองกำลังการปฏิวัติฯ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีซานโตสทำให้กระบวนการเจรจาสันติภาพครั้งล่าสุดที่เริ่มต้นในปี 2555 ซึ่งประสบความท้าทายและอุปสรรคมากมาย มีการเจรจากันกว่า 50 รอบ สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ใน 6 ประเด็นหลัก คือ การปฏิรูปที่ดิน การเปิดโอกาสให้ฝ่ายกองกำลังการปฏิวัติฯเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองในระบบ การขจัดปัญหาลักลอบค้ายาเสพติดและปลูกพืชผิดกฎหมาย การแสวงหาความยุติธรรมให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง การวางอาวุธและการดำเนินการเพื่อให้ขั้นตอนต่างๆได้เริ่มปฏิบัติใช้อย่างเป็นรูปธรรมโดยได้รับการยอมรับจากประชาชน ซึ่งรัฐบาลโดยความเห็นชอบของศาลรัฐธรรมนูญจะเปิดให้มีการทำประชามติทั่วประเทศในอีกไม่กี่สัปดาห์เพื่อให้ความเห็นชอบข้อตกลงสันติภาพนี้

สำหรับโคลอมเบีย สันติภาพคือสิ่งการันตีการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ ประมาณว่าผลรวมรายได้ประชาชาติของประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าทุก 9 ปีเมื่อมีการบรรลุข้อตกลงสันติภาพ ขณะที่รายได้ประชาชาติต่อหัวเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน 6,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 12,000 ดอลลาร์สหรัฐฯภายในสิบปี ยอดเงินลงทุนจากต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในอีกไม่นาน เมื่อเทียบกับยอดเงินลงทุน 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2558 ปัจจุบันโคลอมเบียเป็น 1 ใน 20 ประเทศที่มียอดเงินลงทุนจากต่างประเทศสูงสุดในโลก

การบรรลุในข้อตกลงสันติภาพครั้งนี้ยังส่งผลให้โคลอมเบียซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพลำดับต้นๆ ของโลกสามารถลดผลกระทบของความรุนแรงที่มีต่อสภาพแวดล้อมซึ่งมีการประมาณการเป็นตัวเลขไว้ที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี รัฐบาลไม่ต้องเสียงบประมาณในการฟื้นฟูธรรมชาติที่เกิดจากการบุกรุกป่าของฝ่ายกองกำลังการปฏิวัติฯเพื่อเพาะปลูกพืชเสพติด ลดค่าใช้จ่ายการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษปรอทจากการลักลอบทำเหมืองแร่ผิดกฎหมาย ลดความสูญเสียต่อระบบนิเวศเมื่อกองกำลังการปฏิวัติฯลอบวางระเบิดท่อส่งน้ำมัน สันติภาพสามารถคืนธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ชาวโคลอมเบีย ส่งเสริมโอกาสให้กับนักลงทุนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

สงครามและความรุนแรงได้สิ้นสุดลงแล้ว สันติภาพหาได้เป็นความฝันอีกต่อไป สาธารณรัฐโคลอมเบียได้แปรเปลี่ยนจากดินแดนแห่งการรบราฆ่าฟันกลายเป็นดินแดนแห่งความหวัง ดินแดนแห่งสันติสุข ที่เปิดกว้างพร้อมรับประชาคมโลกในทุกมิติ.