ภายใต้ความกดดันของชาวโคลอมเบียต่อ เรเน่ ฮิกิต้า

ทุกคนรู้ว่า ปาโบล เอสโคบาร์ ทำตัวเป็น โรบินฮู้ด ด้วยการนำเงินผิดกฎหมายมาเลี้ยงคนจน มันจึงทำให้เขากลายเป็นพระเจ้าแห่ง เมเดยีน บ้านเกิดของเขา แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถหนีความจริงได้คือเขาเป็นอาชญากรที่เลวร้ายที่สุดคนหนึ่งของโลก

หากเปรียบเทียบชีวิตของเอสโคบาร์เป็นเหรียญ 1 เหรียญ ที่มีด้านดีและด้านเลว เรเน่ ฮิกิต้า ผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมชาติโคลอมเบียก็เปรียบได้กับชายผู้โยนเหรียญนั้นหงายออกมาแต่ด้านดีทุกครั้ง

ภายใต้ความกดดันของชาวโคลอมเบียที่ผิดหวังในตัวของเขา ฮิกิต้า กลับเลือกเชื่อมั่นไม่เปลี่ยนแปลงและยินดีที่จะเป็นผู้รับใช้ เอสโคบาร์ อย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกก็ตาม

ทำไม ฮิกิต้า จึงยึดมั่นในตัว เอสโคบาร์ ขนาดนั้น? ติดตามได้ที่นี่

ผู้รักษาประตูที่ไม่เชื่อในการเล่นแบบเพลย์เซฟ

ในตำแหน่งผู้รักษาประตู คุณไม่มีสิทธิ์พลาด เพราะการผิดพลาดแต่ละครั้งนั้นอาจสร้างความเสียหายให้กับทีมถึงที่สุด แม้โลกฟุตบอลยุคปัจจุบันจะมีผู้รักษาประตูที่ชอบใช้เท้าเล่นบอลและออกบอลระยะสั้นเพื่อเสี่ยงให้โอกาสทีมได้เซ็ตเกมบุก อาทิ เอแดร์ซอน, อลิสซอน หรือแม้แต่ มานูเอล นอยเออร์ ก็ตาม

แต่ในช่วงเวลา 20-30 ปีก่อนหรือยุค ’80s-’90s เราแทบไม่พบเจอผู้รักษาประตูประเภทนี้มาก่อนเลย ยอดฝีมือในยุคนั้นอย่าง ปีเตอร์ ชไมเคิล และ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ต่างเป็นประตูยุคโบราณที่เน้นการสั่งการและเน้นที่การป้องกันประตูเป็นหลัก

มีเพียง 1 เดียวเท่านั้นที่แตกต่าง เขาคนนั้นคือ เรเน่ ฮิกิต้า ผู้รักษาประตูที่ไม่เชื่อในการเล่นแบบเพลย์เซฟ ทว่าติดอยู่อย่างเดียวคือเขาบ้าระห่ำเกินไป ในยุคของเขาอาจจะมีประตูที่ใช้เท้าได้ดีอย่าง ฮอร์เก้ คัมโปส ของ เม็กซิโก และ โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต ของ ปารากวัย แต่ทั้ง 2 คนนี้ ไม่ระห่ำถึงขั้นเลี้ยงบอลล็อกหลบผู้เล่นคู่แข่งไปถึงกลางสนามเหมือนกับ ฮิกิต้า แน่นอน

ฮิกิต้า เองก็เป็นหมองูที่ตายเพราะงูสำหรับเรื่องนี้ จากศึกฟุตบอลโลก 1990 ที่เขาติดทีมชาติ โคลอมเบีย และพาทีมเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ในเกมรอบดังกล่าว โคลอมเบีย พบกับ แคเมอรูน และพวกเขามีภาษีดีกว่า ทว่าสุดท้าย ฮิกิต้า ก็มั่นใจเกินไป เขาพยายามจะเลี้ยงบอลผ่าน โรเจอร์ มิลล่า ดาวยิงของทีมหมอผี ซึ่งมันไม่สำเร็จ และการพลาดครั้งนั้นก็จบลงด้วยการเสียประตูและ โคลอมเบีย ก็ตกรอบไป

2

ตัวของ ฮิกิต้า เองไม่ได้ตื่นตระหนกกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เขายอมรับผิดแต่จะไม่เปลี่ยนสไตล์ของตัวเองแน่ ซึ่งในอีก 5 ปีต่อมา ฮิกิต้า ก็โชว์ลีลาเซฟประตูด้วยท่า “สกอร์เปี้ยน คิก” หรือการกระโดดไปข้างหน้าและเอาสองขาหลังดีดลูกฟุตบอล แบบเดียวกับการตวัดหางโจมตีศัตรูของแมงป่อง ในเกมกับทีมชาติอังกฤษ ซึ่งท่าดังกล่าวทำให้ทั้งโลกจดจำเขาได้ดียิ่งขึ้นอีก

“เดอะ สกอร์เปี้ยน คิก จะไม่ถูกเลียนแบบแน่ ในอนาคตจะไม่มีผู้รักษาประตูคนไหนกล้าทำอะไรเสี่ยงๆ แบบที่ผมทำ พวกเขาเลือกจะเล่นกับของง่ายๆ และเน้นที่ความปลอดภัยมากกว่า” ฮิกิต้า กล่าว แม้หากดูภาพช้าชัดๆ ก็จะเห็นว่า เจ้าตัวสามารถทำ สกอร์เปี้ยน คิก ได้แบบไม่ต้องกังวลอะไร เพราะนักเตะทีมสิงโตคำรามล้ำหน้าไปก่อนนั้นแล้ว

3

การเป็นผู้รักษาประตูที่โฉบเฉี่ยวทำให้โลกจดจำ ฮิกิต้า ได้ชัดเจน ชาวโคลอมเบีย ชอบอกชอบใจที่นักเตะในทีมชาติของพวกเขาโด่งดังในระดับโลก พวกเขาภูมิใจในตัว ฮิกิต้า จนกระทั่งวันหนึ่งที่ตัวของนายทวารจอมระห่ำดันพูดต่อหน้าสื่อว่าเขาเป็นคนของ เอสโคบาร์ และมองว่ามิตรภาพของพวกเขาไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย

เมื่อนั้นกระแสของชาว โคลอมเบีย ก็เปลี่ยนไป… เพราะโคลอมเบียทั้งประเทศไม่ใช่ เมเดยีน มีคนอีกไม่น้อยที่เกลียด เอสโคบาร์ ดังนั้น ฮิกิต้า จึงถูกมองว่าเป็นนักเตะที่ไม่สมควรเป็นความภูมิใจของประเทศอีกต่อไป

นักสู้แห่งเมเดยีน 

“เอสโคบาร์ โมเดล” คือสิ่งที่อยู่เหนือความถูกต้อง ทุกคนรู้ดีว่าเขาร่ำรวยจากการค้าขายโคเคนและทำเรื่องผิดกฎหมาย ตำรวจทุกที่โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาต้องการจับตัวเขา … ยกเว้น 1 เมืองใหญ่แห่งโคลอมเบียที่ชื่อว่า “เมเดยีน” นครแห่งสลัมที่มี ปาโบล เอสโคบาร์ เป็นพระเจ้าที่นั่งอยู่ในหัวใจของผู้คนในเมือง

4

เอสโคบาร์ กลายเป็นขวัญใจด้วยวิธีที่เรียกว่า “เงินต่อเงิน” เขาเอาเงินจากการขาย โคเคน ส่งออกไปตามที่ต่างๆ กลับเข้ามาเพื่อมอบให้กับชาว เมเดยีน ราวกับตัวเองเป็นโรบินฮู้ด เขาบริจาคเงินให้โรงพยาบาลเพื่อผู้ป่วย และสร้างโรงเรียนให้กับเด็กๆ ในพื้นที่ได้มีโอกาสเรียนหนังสือ ดังนั้นต่อให้เขาจะเลวแค่ไหนแต่ในสายตาชาวโลกก็ไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติที่ชาวเมเดยีนมอบให้กับ เอสโคบาร์ ได้

เหตุผลที่ เอสโคบาร์ “คืนกำไรให้สังคม” นั้นมันเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ เพราะเขาเองเคยผ่านจุดที่ไม่มีจะกินมาก่อน เขาเกิดมาพร้อมกับความจนและเมื่อท้องร้องจนเกินต้านทาน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเดินทางสายดำเพื่อเลี้ยงตัวให้พอยาไส้ ทว่าเมื่อยิ่งทำยิ่งเข้าท่าสุดท้ายมันก็กลายเป็นตัวตนของเขาไปโดยปริยาย

จากแค่เคยลักขโมย จนถึงลักพาตัว ปาโบล เอสโคบาร์ และ โรแบร์โต้ พี่ชายของเขาช่วยกันสร้างเครือข่ายอาชญากรที่ทรงพลังที่สุดในโคลอมเบีย รู้ตัวอีกที “แก๊งเมเดยีน” คือแก๊งที่ถือส่วนแบ่งการค้าโคเคนมากถึง 80% ในสหรัฐอเมริกา โดยมีรัฐฟลอริดาเป็นจุดกระจายสินค้าสำคัญ ซึ่งประเมินว่ามูลค่าของธุรกิจทั้งหมดนั้นสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว

ด้วยอำนาจที่ล้นพ้นและเงินที่ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด เอสโคบาร์ เริ่มทำตามความฝันของตัวเองเนื่องจากเขาเป็นคนที่ชื่นชอบฟุตบอลมาก ดังนั้นเขาจึงได้สร้างสนามฟุตบอล ณ ใจกลางสลัมของ เมเดยีน ไม่ใช่แค่สนามเดียว แต่เขาสร้างมันไปเรื่อยๆ มีที่ไหนว่างที่นั่นต้องมีสนามฟุตบอล5

“เอสโคบาร์ มุ่งเน้นไปที่การคืนกำไรให้สังคม ในละแวกบ้านของเรา ปาโบล เป็นเหมือนแสงสว่างในชีวิตและในโลกของฟุตบอลอย่างแท้จริง” ลุซ มาเรีย น้องสาวของ เอสโคบาร์ กล่าวยืนยัน

จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของ ฮิกิต้า กับ เอสโคบาร์ เริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ นี้นี่เอง นอกจาก เอสโคบาร์ จะสร้างสนามฟุตบอลแล้ว เขายังให้การสนับสนุนสโมสรฟุตบอลอาชีพด้วย นั่นคือสโมสร แอตเลติโก นาซิอองนาล และ อินดิเพนเดนเต เมเดยีน ซึ่งทั้ง 2 ทีมที่เป็นคู่ปรับประจำเมือง เมเดยีน ถือเป็นทีมระดับหัวแถวของประเทศ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะเรื่องของเงินทุนนั้น เอสโคบาร์ ไม่เคยอั้นกับเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย

“เงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด ถูกนำมาใช้ในฟุตบอล มันทำให้ช่วงนั้นเราสามารถดึงนักเตะต่างชาติฝีเท้าดีเข้ามาสู่ทีมได้” ฟรานซิสโก มาตูราน่า อดีตผู้จัดการทีมของ นาซิอองนาล ในช่วงระหว่างปี 1987-1990 กล่าวเอาไว้ใน สารคดี The Two Escobars

ตัวของ เรเน่ ฮิกิต้า ลืมตาดูโลกในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับจุดพีกในชีวิตอาชญากรของ เอสโคบาร์ พอดีและมันประจวบเหมาะมากที่บ้านเกิดของ ฮิกิต้า คือ เมเดยีน … ใช่แล้วทั้งสองคนเป็นคนบ้านเดียวกัน และเอสโคบาร์ใจดีกับชาวเมเดยีนที่ซื่อสัตย์กับเขาเสมอ ซึ่งแน่นอนว่า ฮิกิต้า ก็เป็นหนึ่งในนั้น

“สำหรับ ปาโบล นักเตะไม่ใช่สินค้า แต่ว่าเป็นเพื่อน มันมีค่ามากกว่าเงินทอง เขาต้องการให้นักเตะทุกคนมีความสุข” มาตูราน่า ซึ่งยังเป็นโค้ชทีมชาติโคลอมเบีย ชุดฟุตบอลโลกปี 1994 ด้วย กล่าวถึงความสัมพันธ์ของ เอสโคบาร์ กับนักเตะของเขา 6

ด้าน ฮิกิต้า เติบโตมากับสนามฟุตบอลที่ เอสโคบาร์ สร้าง และการเป็นนักฟุตบอลที่มีความสามารถจึงทำให้เขาเป็นคนโปรดของ แก๊งเมเดยีน และได้รับการโอ๋การเอาใจเสมอ โดยเฉพาะกับ โรแบร์โต้ เอสโคบาร์ พี่ชายที่เป็นมือขวาของราชาแห่งโคเคน

“ผมเป็นเพื่อนกับ ปาโบล ซึ่งก็รู้จักกันในระดับหนึ่ง เพราะคนที่สนิทกับผมที่สุดคือ ดอน โรแบร์โต้ เอสโคบาร์” ฮิกิต้า กล่าวถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับแก๊งเมเดยีนแบบเลี่ยงไม่ได้ เพราะเมื่อเข้าไปอยู่จุดนั้นแล้วเขาได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นการรับใช้คนที่ทำผิดกฎหมายแต่ผลประโยชน์มันก็หอมหวานเกินกว่าจะต้านทาน

โลกอาชญากรรมของ ฮิกิต้า 

เงินของ เอสโคบาร์ ทำให้เกิดยุคทองของวงการฟุตบอลโคลอมเบีย เพราะกลุ่มคนสีเทาหลายคนพยายามใช้ฟุตบอลเป็นธุรกิจฟอกขาว พวกเขาเหล่านั้นอัดเงินมากมายเพื่อทำให้ทีมของตัวเองแข็งแกร่ง

7

อย่างไรก็ตามงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังจากเข้าสู่ยุค ’90s เอสโคบาร์ โดนชาวโคลอมเบียกดดันหนักจากเหตุการณ์ที่เขาสั่งระเบิดเครื่องบินพาณิชย์และทำให้ผู้บริสุทธิ์กว่า 100 คนต้องเสียชีวิตเมื่อปี 1989 ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องการเมือง กับเป้าหมายเพื่อสังหาร เซซาร์ กาวิเรีย ผู้สมัครประธานาธิบดีโคลอมเบียจากพรรคเสรีนิยม และมีนโยบายกวาดล้างแก๊งยาเสพติดเท่านั้น และที่น่าเศร้าคือ กาวิเรีย เป้าหมายในการฆ่าไม่ได้อยู่บนเครื่องบินในวันนั้น

รัฐบาลโคลอมเบียไม่มีทางเลือกเพราะประชาชนทั้งประเทศและต่างประเทศเร่งเร้าให้พวกเขาจับตัว เอสโคบาร์ มาเอาผิดให้ได้ เพราะช่วงเวลาเดียวกันนั้น เอสโคบาร์ ยังมีส่วนพัวพันกับการสังหาร หลุยส์ คาร์ลอส กาลัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่มีนโยบายล้างบางยาเสพติดด้วยเช่นกัน จึงทำให้รัฐบาลโคลอมเบีย (ซึ่งตลกร้ายเกิดขึ้นเมื่อผู้นำประเทศในขณะนั้นก็คือ เซซาร์ กาวิเรีย ผู้เคยตกเป็นเป้าสังหาร) กับ เอสโคบาร์ ต้องเปิดโต๊ะเจรจา ซึ่งได้ผลออกมาว่า ราชายาเสพติดจะยอมติดคุก แต่คุกนั้นจะต้องเป็นคุกที่เขาสร้างขึ้นมาเอง

แม้ทุกคนจะรู้ว่าในคุกนั้นเขายังอยู่ดีและสุขสบาย แต่ความคล่องตัวในการสั่งการอะไรต่างๆ ไปยังลูกน้องของ เอสโคบาร์ นั้นไม่เหมือนเดิม ดังนั้นจึงต้องมีคนที่ทำหน้าที่เป็นแขนขาให้กับเขา … ซึ่ง ฮิกิต้า คือหนึ่งในผู้ถูกเลือกและเขาไม่ปฎิเสธคำขอนี้

8

“เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงจุดเริ่มต้นของมิตรภาพได้” ฮิกิต้า ในวัย 53 ปี เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเกี่ยวกับเขาในฐานะ 1 คนของแก๊งเมเดยีน

“เอสโคบาร์ ลงจากตำแหน่งในสภา กลับสู่ใต้ดิน และจบลงด้วยการเดินเข้าคุก เขาไม่ใช่นักการเมืองอีกต่อไปและกลายเป็นคนค้ายา 100% แต่มันก็เหมือนเดิมคือไม่มีใครทำอะไรเขาได้อยู่ดี” ฮิกิต้า กล่าว

ฮิกิต้า เข้าใจผิดอยู่บางอย่าง เพราะในเวลานั้นแก๊งยาเสพติดแก๊งอื่นๆ ในโคลอมเบียก็เจริญรอยตามความยิ่งใหญ่ของแก๊งเมเดยีน ที่หัวหน้าแก๊งติดคุก และเป็นแก๊งที่รัฐบาลจ้องเล่นงานเป็นอันดับ 1 และนั่นทำให้หลังจาก เอสโคบาร์ เข้าไปอยู่ในคุกจึงเป็นช่วงเวลาที่เขาโดนลูบคมจากแก๊งคู่ปรับอยู่บ่อยครั้ง

ครั้งหนึ่งลูกสาววัย 11 ปีของ หลุยส์ คาร์ลอส โมลิน่า 1 ในเครือข่ายคนสำคัญของ เอสโคบาร์ โดนจับลักพาตัว ซึ่งเมื่อ เอสโคบาร์ ได้ข่าวเขาจึงมอบหมายให้ ฮิกิต้า เป็นตัวกลางเจรจาเพื่อปล่อยตัวประกันรายนี้ และแน่นอนว่าเขายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจาก เอสโคบาร์ ครั้งนี้

การเจรจาปล่อยตัวประกันสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ฮิกิต้า ได้ค่าแรงเป็นเงิน 64,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และเขาถูกเรียกตัวไปพบกับ เอสโคบาร์ ในคุก “ลา กาเตดรัล” อันโด่งดัง ซึ่ง ฮิกิต้า เดินทางเข้าไปในคุกอย่างสง่าผ่าเผย ไม่มีการปิดบังเหมือนกับคนดังในประเทศคนอื่นๆ เลย ซึ่งนั่นเองทำให้เขาโดนโจมตีเป็นอย่างมากในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติแต่กลับเป็นสุนัขรับใช้ของพ่อค้ายาเสพติดและอาชญากรระดับโลก

“ก็ผมเป็นนักฟุตบอล ผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการลักพาตัวและกฎหมายเรื่องนี้เลย” ฮิกิต้า เปิดใจเมื่อโดนหลายฝ่ายพยายามจะเอาเขาไปเข้าคุกให้ได้ และแน่นอนว่าคำพูดว่าไม่รู้ ไม่สามารถเอาไปใช้ในชั้นศาลได้ การเกี่ยวข้องกับเรี่องลักพาตัวจึงทำให้ ฮิกิต้า ต้องโทษจำคุกถึง 7 เดือน

เคารพจนวันสุดท้าย

แม้จะถูกยืนยันว่า ฮิกิต้า โดนจับด้วยคดีลักพาตัวและยาเสพติด ทว่าเอาเข้าจริงเมื่อเขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน คำถามที่โดนถามมีเพียงแต่เรื่องของ ปาโบล เอสโคบาร์ เท่านั้น เพราะช่วงเวลาดังกล่าวรัฐบาลโคลอมเบียตั้งใจจะจับกุม เอสโคบาร์ ให้ได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและไม่ใช่การจับขังในคุกสุดหรูที่เขาออกแบบเองอีกแล้ว

9

รัฐบาลโคลอมเบียเอาจริงอย่างที่พูด หลังจากเข้าสู่ปี 1993 พวกเขาไล่ล่า เอสโคบาร์ อย่างจริงจัง และพยายามจะบุกเข้าไปจับในคุกแต่ เอสโคบาร์ ก็หนีเอาตัวรอดไปได้หลายเดือน ซึ่งการเอาจริงเอาจังของรัฐบาลสำเร็จลุล่วงได้เพราะอำนาจของ เอสโคบาร์ ลดน้อยถอยลงไป จนสุดท้ายในเดือนธันวาคมปี 1993 เอสโคบาร์ โดนตำรวจโคลอมเบีย ยิงเสียชีวิตที่ดาดฟ้าของตึกแห่งหนึ่งที่ เมเดยีน บ้านเกิดของเขาเอง

“ผมโดนถามแต่เรื่องของ ปาโบล เรื่องเดียวเลย” ฮิกิต้า กล่าวหลังพ้นโทษ 7 เดือน

“ปาโบล เอสโคบาร์ คอยให้ความช่วยเหลือคนจนตลอด เขาสร้างที่อยู่อาศัย, สร้างสนามฟุตบอล แต่ว่าเขาก็มีส่วนรับผิดชอบกับสงครามความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเช่นกัน ผมเคยมีโอกาสขอบคุณเขาเป็นการส่วนตัวกับการที่เขามอบตัว (เข้าไปอยู่ในคุกของตัวเอง) ผมไม่เคยคิดว่าผมทำผิดกฎหมาย” ฮิกิต้า เลือกข้างแล้ว เขาไม่ถอนคำพูดและสายสัมพันธ์กับ เอสโคบาร์ เด็ดขาด แม้จะต้องหมดอนาคตกับทีมชาติโคลอมเบีย เมื่อผลพวงจากการต้องโทษจำคุก คือการหลุดทีมชาติชุดฟุตบอลโลกปี 1994 ก็ตาม

10

ทุกอย่างบนโลกนั้นเหมือนเหรียญสองด้าน จริงๆ แล้ว ฮิกิต้า เองก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ เอสโคบาร์ ทำนั้นถูกหรือผิด? แต่เมื่อเขามองจากอีกมุมมันทำให้เขาพบแต่ข้อดีของเอสโคบาร์ ซึ่งมันเกิดจากประสบการณ์ตรงที่เขาได้พบเจอ

หาก ฮิกิต้า จะกล่าวโทษเอสโคบาร์ในวันที่เจ้าพ่อยาเสพติดอำนาจเสื่อมถอยเพื่อล้างภาพลักษณ์ของตัวเขาก็ย่อมได้ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ทำเพราะความรู้สึกที่มีต่อ เอสโคบาร์ ในใจของเขามันชัดเจนเสียจนหักหลังไม่ลง …

“ผมมีเพื่อนอยู่ไม่น้อยที่เป็นพ่อค้ายาเสพติด และผมเปลี่ยนมันไม่ได้ ชีวิตนี้ผมได้พบกับทั้งทหาร นักสู้ และกองโจร และสิ่งที่ผมบอกได้คือผมให้ความเคารพสำหรับพวกเขาทุกคน เหมือนกับที่พวกเขาเคารพในตัวของผม ผมเป็นคนที่สงบและเรียบง่าย ผมพร้อมที่จะเป็นเพื่อนกับพวกเขาทุกคนคน”