พบซากมาสโตดอนในเหมืองโคลอมเบีย

พบซากมาสโตดอนในเหมืองโคลอมเบีย

พบซากมาสโตดอนในเหมืองโคลอมเบีย

มีความเชื่อมานานว่ามนุษย์ล่ามาสโตดอน จนเป็นต้นเหตุการสูญพันธุ์ของญาติเก่าแก่ของช้างยุคปัจจุบัน แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญไม่ปักใจตามความเชื่อนั้น และคิดว่าการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยจากป่าไปยังแถบทุนดราหรือเขตที่มีฤดูหนาวค่อนข้างยาวนาน อาจมีบทบาทได้ต่อการสูญพันธุ์ของมาสโตดอน

ล่าสุด คนงานเหมืองทอง Quinchia ในจังหวัดริซารัลดา ของโคลอมเบีย ขุดพบซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลมาสโตดอนและงายาวกว่า 1 เมตรที่ยังไม่บุบสลาย คนงานจึงแจ้งให้นักมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเปเรราเข้าตรวจสอบ การวิจัยล่าสุดชี้ว่ามาสโตดอนสูญพันธุ์ไป เนื่องจากยอมจำนนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่สูญพันธุ์จากการล่าโดยมนุษย์ยุคแรกๆ และแม้ว่าจะมีการค้นพบฟอสซิลมาสโตดอนในพื้นที่อื่นของโคลอมเบีย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พบในริซารัลดา นั่นหมายถึงอาจพบได้อีกในพื้นที่ใกล้เคียง เพราะสัตว์เหล่านี้อาศัยอยู่เป็นฝูง เหมือนกับฝูงช้างที่มักพบเห็นในแอฟริกายุคปัจจุบัน

พบซากมาสโตดอนในเหมืองโคลอมเบีย

นักวิจัยวิเคราะห์ว่านี่คือซากมาสโตดอนอเมริกันในยุคไพลสโตซีน (Pleistocene) เมื่อ 10,000 ปีก่อน และชี้ว่ามาสโตดอนเดินทางไกลจากดินแดนที่เป็นอลาสกาตะวันออกในปัจจุบันไปยังโนวาสโกเทีย และมุ่งลงใต้ไปยังเม็กซิโกตอนกลาง หมายความว่าช่วงอากาศอบอุ่นขึ้น มาสโตดอนจะมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อหาพืชพันธุ์ แต่เมื่ออุณหภูมิเย็นลง ธารน้ำแข็งใหญ่เริ่มแผ่ลงมาจากด้านบนของทวีป พวกมันก็จะถอยกลับลงมาทางใต้ กลายเป็นวัฏจักรต่อเนื่องในช่วงเวลาหนาวเย็นที่ผิดปกติของยุคไพลสโตซีน ซึ่งครอบคลุมช่วงเวลา 2.5 ล้านถึง 11,700 ปีก่อน.

โคลอมเบียเดือด นักโทษก่อเหตุจลาจลกลางเรือนจำลาโมเดโล ในกรุงโบโกตา

โคลอมเบียเดือด

โคลอมเบียเดือด นักโทษก่อเหตุจลาจลกลางเรือนจำลาโมเดโล ในกรุงโบโกตา
เกิดเหตุปะทะกันรุนแรงภายในเรือนจำลาโมเดโล ในกรุงโบโกตา ของโคลอมเบีย คุกใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 22 มี.ค.ทำให้นักโทษเสียชีวิตไม่น้อยกว่า 23 ราย บาดเจ็บ 83 ราย และพัสดีอีก 7 ราย นางมาร์การิตา คาเบลโล รัฐมนตรียุติธรรม กล่าวแสดงความเสียใจกับความรุนแรงที่นักโทษพยายามแหกคุก ซึ่งเป็นแผนที่กลุ่มนักโทษประสานงานให้เกิดความปั่นป่วนในเรือนจำ 13 แห่งทั่วประเทศ พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวโทษจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุสภาพภายในเรือนจำไม่ถูกสุขลักษณะท่ามกลางภัยระบาดของโควิด-19 ซึ่งเรือนจำไม่ได้เตรียมรองรับปัญหา

นางคลอเดีย โลเปซ นายกเทศมนตรีกรุงโบโกตา วิจารณ์กระทรวงยุติธรรมและเจ้าหน้าที่เรือนจำแจ้งข่าวสารถึงครอบครัวนักโทษล่าช้า ส่วนสำนักงานคุ้มครองพลเรือนและสิทธิมนุษยชนแนะนำปล่อยนักโทษที่อายุเกิน 60 ปี เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ขณะที่ประธานาธิบดีอีวาน ดูเก เตรียมประกาศกักประเทศ 19 วัน นับแต่ 24 มี.ค.นี้.

ชาวโคลอมเบียก่อจลาจล-เผาโรงพัก แค้น ตร.ใช้กำลังเกินเหตุ

ชาวโคลอมเบียก่อจลาจล-เผาโรงพัก แค้น ตร.ใช้กำลังเกินเหตุ

ชาวโคลอมเบียก่อจลาจล-เผาโรงพัก แค้น ตร.ใช้กำลังเกินเหตุ

ชาวโคลอมเบียไม่พอใจตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ทำให้ผู้ละเมิดมาตรการคุม COVID-19 เสียชีวิต จุดชนวนประท้วงรุนแรงและก่อจลาจลในกรุงโบโกตา เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน บาดเจ็บหลายร้อยคน

วันนี้ (11 ก.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุประท้วงรุนแรง ลุกลามกลายเป็นจลาจลในกรุงโบโกตา เมืองหลวงของโคลอมเบีย เนื่องจากประชาชนรู้สึกโกรธแค้น และไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุระหว่างการจับกุมชายอายุ 46 ปี ที่ละเมิดมาตรการรักษาระยะห่าง ป้องกัน COVID-19 ด้วยการนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับเพื่อน ซึ่งชายคนดังกล่าวถูกตำรวจจับกดลงกับพื้นและถูกยิงด้วยปืนช็อตไฟฟ้าซ้ำหลายครั้ง ได้รับบาดเจ็บหนักและเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

ชาวโคลอมเบียก่อจลาจล-เผาโรงพัก แค้น ตร.ใช้กำลังเกินเหตุ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงจุดไฟเผารถโดยสารอย่างน้อย 8 คัน และบุกเข้าไปทำลายโรงพักได้รับความเสียหาย 56 แห่ง ตำรวจ 1,500 นาย และทหารอีก 300 นาย ต้องระดมกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ประท้วงหลายร้อยคนได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน ขณะที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บกว่า 100 นาย

20 หนุ่มกลัดมัน จ้างคุณโสสวิงหมู่ เย้ยล็อกดาวน์ ก่อนตำรวจโคลอมเบียรวบสวรรค์ล่ม

20 หนุ่มกลัดมัน จ้างคุณโสสวิงหมู่ เย้ยล็อกดาวน์ ก่อนตำรวจโคลอมเบียรวบสวรรค์ล่ม

โคลัมเบีย

ตำรวจเมืองกาลิ ประเทศโคลอมเบีย จับตัวชาย 20 คนที่ฝ่าฝืนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ด้วยการจัดปาร์ตี้เซ็กซ์โดยมีผู้ค้าบริการทางเพศมาสร้างความบันเทิง เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (12 พ.ค.)

นอกจากนี้ตำรวจยังพบว่ามีการใช้สารเสพติดในที่เกิดเหตุอีกด้วย

สื่อท้องถิ่นหลายสำนักรายงานว่า ปาร์ตี้นี้จัดขึ้นโดยเชิญชวนกันผ่านทางห้องแชทในแอปพลิเคชันสนทนาวอทซ์แอป เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (10 พ.ค.) ซึ่งมีการเก็บค่าธรรมเนียมคนละ 2.5 ดอลลาร์ (80 บาท) โดยมีข้อแม้ว่าห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร

ข้อความในห้องแชทดังกล่าวระบุว่า “จัดที่บ้านหลังหนึ่ง ปลอดภัย มีห้องลับ ให้มาร่วมปาร์ตี้เซ็กซ์กันได้”

หลังจากการจับกุมพบว่า มีอย่างน้อยคนหนึ่งที่ถูกจับกุมมีอุณหภูมิร่างกายสูงถึง 38 องศาเซลเซียส และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในท้องถิ่นเพื่อตรวจหาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (SARS-CoV-2) แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการรายงานว่ามีใครติดเชื้อหรือไม่

ด้านนายคอร์เฮ อิวาน เอสปินา นายกเทศมนตรีเมืองกาลิ เผยว่า ตำรวจและอัยการยังสอบสวนเรื่องนี้อยู่ จึงยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะตั้งข้อหาใดกับชาย 20 คนนี้ในขณะนี้ แต่การรวมตัวกันเช่นนี้มีความเป็นไปได้ที่จะแพร่โรคโควิด-19 และที่แน่ๆ คือ ฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโรค

โคลอมเบียให้ป่าแอมะซอนมีสิทธิเทียบเท่าบุคคล

โคลอมเบียให้ป่าแอมะซอนมีสิทธิเทียบเท่าบุคคล

ศาลโคลอมเบียตัดสินให้ป่าแอมะซอนมีสิทธิเทียบเท่าบุคคลตามกฎหมาย เพื่อให้รัฐบาลเร่งหามาตรการหยุดยั้งการทำลายป่าให้ได้ภายใน 4 เดือน
ศาลสูงสุดของโคลอมเบียตัดสินให้รัฐบาลขึ้นสถานะผืนป่าแอมะซอนให้เป็น ‘บุคคลที่ต้องได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน’ ซึ่งหมายความว่าป่าฝนแอมะซอนได้รับสิทธิตามกฎหมายเทียบกับมนุษย์คนหนึ่ง ทำให้โคลอมเบียถือเป็นประเทศแรกในลาตินอเมริกาที่ตัดสินให้แหล่งธรรมชาติมีสถานะเป็นบุคคลเพื่อให้มีการคุ้มครองแหล่งธรรมชาติที่เข้มงวดขึ้น

ศาลสูงสุดของโคลอมเบียระบุว่า แม้จะมีความร่วมมือระหว่างประเทศและมีกฏเกณฑ์จำนวนมาก แต่เห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลโคลอมเบียยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาการทำลายป่าแอมะซอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการไม่มีสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ ทำให้บุคคลและสิ่งมีชีวิตไม่สามารถมีชีวิตรอดไปได้ ยังไม่นับรวมถึงสิทธิในการไม่สามารถปกป้องคนรุ่นใหม่และคนรุ่นหลังต่อไป

นอกจากนี้ ศาลได้สั่งให้รัฐบาลทั้งระดับประเทศและท้องถิ่น รวมถึงกระทรวงสิ่งแวดล้อมและการเกษตร ร่วมหารือและเสนอแผนปราบปรามการทำลายป่าแอมะซอนภายในเวลา 4 เดือน

โคลอมเบียให้ป่าแอมะซอนมีสิทธิเทียบเท่าบุคคล

จากข้อมูลพบว่าป่าแอมะซอนในโคลอมเบียมีขนาดเทียบเท่ากับประเทศเยอรมนีและอังกฤษรวมกัน แต่ในช่วงปี 2015-2016 อัตราการตัดไม้ทำลายป่าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 44 ซึ่งการทำลายป่าก็มีจุดประสงค์ที่หลากหลายกันไป ตั้งแต่การถางป่าเพื่อเลี้ยงสัตว์ ทำเกษตร ปลูกต้นโคคา (วัตถุดิบสำหรับผลิตโคเคน) การทำเหมือง และการตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย

คำตัดสินนี้มีขึ้นหลังจากที่คนรุ่นใหม่ 25 คนอายุตั้งแต่ 7-26 ปีรวมตัวกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อเดือนมกราคม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องสิทธิในการมีสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งความล้มเหลวของรัฐบาลในการหยุดยั้งการทำลายป่าแอมะซอนส่งผลกระทบอย่างมากต่ออนาคตของพวกเขา และละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการเข้าถึงสิ่งแวดล้อม อาหารและน้ำที่ดีต่อสุขภาพ

หลังการอ่านคำพิพากษา หนึ่งในโจทก์ยื่นฟ้องในครั้งนี้ระบุว่า คำตัดสินนี้มีความสำคัญต่อการปกป้องสิทธิของคนรุ่นต่อไป และถือเป็นคำตัดสินประวัติศาสตร์ที่จะช่วยอนุรักษ์ป่าและต่อสู้กับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงด้วย

เกิดเหตุท่อส่งน้ำมันโคลัมเบียถูกลอบวางระเบิดวานนี้

อีโคเปโตร (Ecopetrol) บริษัทน้ำมันของโคลอมเบีย ออกมาเปิดเผยวานนี้ว่า ท่อส่งน้ำมันทรานซานดิโนถูกลอบวางระเบิด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ท่อส่งน้ำมันดังกล่าวถูกลอบโจมตีเป็นครั้งที่ 7 ของปีนี้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านในจังหวัดนาริโนของโคลอมเบีย

ทางบริษัทได้ประกาศข่าวดังกล่าวผ่านทวิตเตอร์ โดยระบุว่า “การโจมตีในครั้งนี้ได้ส่งผลให้ท่อแตกและมีน้ำมันไหลออกมา”

“โชคดีว่าในช่วงการโจมตีนั้นท่อส่งน้ำมันไม่ได้อยู่ในช่วงการทำงาน ทั้งนี้ ทางบริษัทได้ปิดวาล์วตามจุดต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบที่ตามมา”
อนึ่ง ท่อส่งน้ำมันทรานซานดิโนซึ่งมีความยาว 306 กิโลเมตรนั้น สามารถส่งน้ำมันดิบจำนวน 85,000 บาร์เรลต่อวันจากจังหวัดปูตูมาโยและนาริโน ไปยังตูมาโค ซึ่งเป็นพอร์ตที่สำคัญของละตินอเมริกัน

ทั้งนี้ อีโคเปโตรได้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าว โดยระบุว่าการโจมตีในครั้งนี้ทำให้ผู้คนเสี่ยงอันตราย อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของชุมชนอีกด้วย

แคนาดายืนยันพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 รายแรกในประเทศ

ทางการแคนาดายืนยันว่า พบผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 รายแรกในประเทศ โดยผู้เสียชีวิตเป็นผู้ป่วยในเมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย

นายบอนนี เฮ็นรี เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำรัฐ แถลงว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 80 ปีซึ่งพักอยู่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุย่านลินวัลเลย์ เมืองแวนคูเวอร์ โดยหน่วยงานสาธารณสุขได้รายการการติดเชื้อของชายคนดังกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเสียชีวิตในช่วงเย็นวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น

ทั้งนี้ ชายคนดังกล่าวติดเชื้อมาจากผู้ดูแลสุขภาพ ซึ่งพนักงานคนดังกล่าวได้ทำงานในที่อื่น ๆ ในแวนคูเวอร์ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ แคนาดายังพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในรัฐบริติชโคลัมเบียเพิ่มอีก 5 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยในรัฐดังกล่าวอยู่ที่ 32 ราย โดยผู้ป่วยกว่าครึ่งมีประวัติเดินทางไปอิหร่าน

ข้อมูล ณ วันจันทร์ระบุว่า แคนาดามีจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศอยู่ที่ 74 ราย

ฟ้าขาวช็อกประเดิมบู่เปิดโคปา

ทัพ “ฟ้าขาว” ทีมชาติอาร์เจนตินา ทำผลงานได้น่าผิดหวังอีกครั้ง เมื่อประเดิมสนามในศึก โคปา อเมริกา 2019 ด้วยการ พ่ายให้กับ “โคเคน” โคลอมเบีย 0-2 ในเกมรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี เมื่อวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา

โดยเกมนี้ทัพ “ฟ้าขาว” เสียสองประตู ในครึ่งหลังให้กับ โรเคร์ มาร์ตีเนซ และ ดูวาน ซาปาต้า ทำให้ต้องลุ้นหนัก ในอีก 2 นัดที่เหลือกับโอกาสผ่านเข้ารอบ ซึ่งนับเป็นการพ่ายแพ้เกมเปิดสนามโคปา อเมริกาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1979 เลยทีเดียว พร้อมกับเป็นการพ่าย โคลอมเบีย เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี หรือตั้งแต่ ปี 2007 ด้วย ซึ่งภายหลังเกม ลีโอเนล เมสซี่ ดาวยิงกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ได้ออกมากระตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้รวมพลัง กันสู้ต่อในอีกสองเกมที่เหลือของรอบ แบ่งกลุ่ม

“ยังมีแง่มุมดีๆ จากเกมนี้ เราพร้อม ที่จะเผชิญความท้าทาย และไม่มีเวลามานั่งตำหนิอะไร เราต้องมองไปข้างหน้า เราต้องเชิดหน้าขึ้นและลุยต่อ เพราะยังมีเกมให้ลงเล่นอยู่” เมสซี่ กล่าว

“พวกเขาเก็บบอลได้ดีแต่ไม่ได้สร้างโอกาสทำประตูแบบจะแจ้งนัก, แต่เมื่อเราเดินหน้าบุกในครึ่งหลัง พวกเขา พังประตูได้ ตอนที่เราโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดออกมา, พวกเขายิงประตูที่ยอดเยี่ยมและ นั่นทำให้เราเสียหาย เราจะใช้มันเป็น บทเรียนในเกมถัดไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ เราเองมันยากกับการออกสตาร์ทด้วย ความพ่ายแพ้ แต่ถ้าเราชนะ ปารากวัย ได้ เราจะกลับมาอยู่ในสถานการณ์ที่ดีอีกครั้ง”
ทางด้าน ลีโอเนล สกาโลนี่ กุนซือทีมชาติอาร์เจนตินา โบ๊ยสนามแข่งห่วยที่ ทำให้ทีมเล่นไม่ออกในเกมนี้ “ผมคิดว่า มันเป็นความห่วยแตกของสภาพสนาม เมื่อดูจากว่านี่เป็นการลงสนามเกมแรกเท่านั้น ผมไม่อยากจะคิดสภาพว่าสนามจะยิ่งแย่ แค่ไหนหากผ่านไป 2 หรือ 3 เกม มันควร จะดีกว่านี้สำหรับเกมแรก, กับนักเตะ ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ห่วยแตกจริงๆ”

สำหรับ อาร์เจนตินา จะลงสนามเกมที่สองในกลุ่ม บี พบกับ ปารากวัย ในวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลา

ทางด้านตลาดซื้อขายนักเตะล่าสุด “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมจ่ายเงินเป็นสถิติโลกในตำแหน่งกองหลังถึง 80 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ปราการหลังทีมชาติอังกฤษของ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทีม

โดย เอ็ด วูดเวิร์ด ซีอีโอของทัพ “ปีศาจแดง” ยังคง ไม่เลิกล้มแผนการในการดึงกองหลังทีมชาติอังกฤษรายนี้มา เสริมทีมและพร้อมอนุมัติเงินถึง 80 ล้านปอนด์ ให้ เลสเตอร์ ซิตี้ พิจารณา นอกจากนี้ จะยังจะมอบสัญญา 5 ปีพร้อมค่าเหนื่อย 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ให้กับกองหลังวัย 26 ปี รายนี้ด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นไม้เด็ดในการดึงนักเตะไปยัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้สำเร็จ และเป็นการตัดหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนใจแนวรับรายนี้เช่นกัน

ทั้งนี้หากดีลนี้เกิดขึ้นจริง แม็คไกวร์ จะกลายเป็นกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลก แซงหน้า เวอร์กิล ฟาน ไดค์ ปราการหลัง ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ย้ายมาจาก เซาแธมป์ตัน ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ทันที

บรรยายใต้ภาพ

ไปไม่เป็น : ลีโอเนล เมสซี่ ดาวเตะกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา โดน ราดาเมล ฟัลเกา และ วิลมาร์ บาร์ริออส 2 ผู้เล่น โคลอมเบีย เข้ารุมแย่งบอล ก่อนที่ทัพ “ฟ้าขาว” จะประเดิมพ่ายในศึก โคปา อเมริกา ให้กับ ทัพ “โคเคน” 0-2 ที่สนาม อารีน่า ฟอนเต้ โนว่า ประเทศบราซิล เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

“หัวเว่ย” ชนะคดีศาลแคนาดากรณีขอดูหลักฐานเพิ่มเติมการจับกุมตัว “เมิ่ง หว่านโจว”

คณะทนายความของนางเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ของจีน ชนะการต่อสู้คดีในศาลแคนาดา หลังจากที่ผู้พิพากษาได้สั่งให้อัยการของแคนาดาส่งมอบหลักฐานและเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจับกุมตัวนางเมิ่ง

ทั้งนี้ นางเฮทเธอร์ โฮล์มส์ รองหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกาแห่งรัฐบริติช โคลัมเบีย เห็นด้วยกับทีมกฎหมายของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ให้มีการตรวจสอบหลักฐานสำหรับข้อกล่าวหาการจับกุมตัวนางเมิ่ง

แต่ผู้พิพากษาโฮล์มส์เตือนว่า คำตัดสินดังกล่าวมีขอบเขตที่จำกัด และไม่ได้สนับสนุนข้อกล่าวหาของหัวเว่ยที่ว่า ทางการแคนาดาจัดการกับข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกของนางเมิ่งโดยไม่เหมาะสม

นางเมิ่ง วัย 47 ปี ได้ถูกจับกุมตัวที่สนามบินนานาชาติแวนคูเวอร์เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2561 ตามการเรียกร้องของสหรัฐซึ่งกล่าวหาว่านางเมิ่งฉ้อโกงธนาคาร และชี้นำธนาคารเอชเอสบีซีในทางที่ผิดเกี่ยวกับธุรกิจของหัวเว่ยในอิหร่าน โดยนางเมิ่งระบุว่าเธอไม่ได้กระทำผิดและกำลังต่อสู้คดีที่แคนาดาจะส่งตัวเธอให้กับสหรัฐในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

นางเมิ่งได้ถูกซักถามโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของแคนาดาก่อนที่จะมีการจับกุมตัวเธอ และทนายความของนางเมิ่งได้ขอให้รัฐบาลแคนาดาส่งมอบเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจับกุมตัวนางเมิ่ง

คณะที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนางเมิ่งได้ต่อสู้ในศาลแคนาดาเพื่อคัดค้านการส่งตัวนางเมิ่งในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนให้กับสหรัฐ โดยระบุว่า สหรัฐใช้กรณีการส่งตัวนางเมิ่งในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมือง และระบุว่า นางเมิ่งได้รับหมายค้น, ถูกสอบสวน และถูกควบคุมตัวแบบที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่ของแคนาดาในนามของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ

สลดใจ ! เหตุโคลนถล่มในโคลัมเบีย ดับทะลุ 200 ศพแล้ว

เกิดเหตุโคลนถล่มขึ้นที่เมืองโมโคอา เมืองเอกของรัฐปูตูมาโย ทางตะวันตกของประเทศโคลอมเบีย เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุด สำนักข่าว ‘ซีเอ็นเอ็น’ เปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวทะลุ 200 รายแล้ว

ทางด้านนาย กาเบรียล อุม่า โฆษกสภากาชาดโคลัมเบีย เปิดเผยกับสำนักข่าว ‘ซีเอ็นเอ็น’ ว่ามีผู้เสียชีวิต 206 ราย และอย่างน้อย 202 คนได้รับบาดเจ็บ กว่า 300 ครอบครัวต้องอพยพออกนอกพื้นที่ รวมถึงบ้านเรือนกว่า 25 หลังได้รับความเสียหาย รวมถึงโรงพยาบาลถูกปิด

สำนักงานจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติแห่งชาติ โคลนถล่มดังกล่าวเป็นผลมาจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันนานหลายชั่วโมง จนทำให้น้ำในแม่น้ำโมโคอา บนภูเขาและแม่น้ำสาขาอีก 3 สายเอ่อล้นตลิ่ง พัดพาน้ำ, โคลน และก้อนหินใส่บ้านเรือนอย่างหนักในช่วงกลางคืนซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนส่วนใหญ่กำลังหลับอยู่

ขณะที่กองทัพเริ่มออกปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชน จากความเดือดร้อนที่เกิดจากภัยพิบัติระดับชาตินี้ ตามมาตรการฉุกเฉินแห่งชาติแล้ว โดยหน่วยกู้ภัยระบุว่า มี 17 เขตที่ได้รับผลกระทบจากโคลนถล่มครั้งนี้