ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของโคลอมเบียลาออกจากตำแหน่งแล้วในวันพุธ (17 ก.พ.) หนึ่งวันหลังจากจเรตำรวจเผยว่าเขาจะถูกสอบสวนฐานต้องสงสัยเกี่ยวข้องจัดตั้งแก๊งโสเภณีชายภายในกองกำลัง ซึ่งมีไว้สำหรับปรนนิบัติพัดวีสมาชิกรัฐสภาและเจ้าหน้าที่ระดับสูง
พลตำรวจเอก โรดอลโฟ ปาโลมิโน ยังจะถูกสืบสวนตามข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติและดักฟังโทรศัพท์ของผู้สื่อข่าวอย่างผิดกฎหมาย หลังจากก่อนหน้านี้เคยถูกกล่าวหาจากเหล่านายตำรวจว่านำพวกเขาเสนอขายบริการทางเพศ ข้อกล่าวหาที่เขาปฏิเสธ
ปาโลมิโนระบุในถ้อยแถลงว่า เขาจะยื่นใบลาออกต่อประธานาธิบดี ฮวน มานูเอล ซานโตส “ที่รับทราบถึงความบริสุทธิ์ของผมในคำกล่าวอ้างต่างๆ นานาที่ผมถูกกล่าวหา” พร้อมระบุว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นไร้สาระโดยสิ้นเชิงและมีเป้าหมายทำลายชื่อเสียงของกองกำลังตำรวจ
จเรตำรวจ อเลฮานโดร ออร์โดเนซ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการประพฤติผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ แถลงเปิดการสืบสวนเมื่อวันอังคาร (16 ก.พ.) ขณะที่ว่ากันว่าขบวนการโสเภณีตำรวจชายนี้เกิดขึ้นระหว่างปี 2004 ถึง 2008
พลตำรวจเอก ปาโลมิโน รับราชการมานานกว่า 38 ปี และขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจเมื่อ 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา
ในการแถลงร่วมกับครอบครัว พลตำรวจเอก ปาโลมิโนยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของตนเอง โดยบอกว่า “ผมไม่เคยทำผิดใดๆ ในข้อกล่าวหาที่มีต่อตัวผม และผมเชื่อมั่นว่าการสืบสวนจะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของผมคืนมา”
นอกจากนี้แล้วเขายังได้มอบเอกสารแก่คณะสืบสวนที่พิสูจน์ว่าเงินและทรัพย์สินของเขามาจากไหน พร้อมระบุว่าข้อกล่าวหาต่างๆ ที่มีต่อตัวเขานั้นเป็นความพยาบาททางการเมืองที่ออกแบบมาเพื่อขับพ้นจากตำแหน่ง
การสืบสวนคราวนี้เริ่มต้นจากคำกล่าวหาของร้อยตำรวจเอกรายหนึ่งซึ่งลาออกแล้ว ที่อ้างว่าถูกล่วงละเมิดโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงระหว่างที่เขายังเป็นนักเรียนนายร้อย โดยในคำร้องเรียนร้อยตำรวจเอกรายนี้บอกว่าในตอนนั้นเขาถูกหว่านล้อมและข่มขู่ให้มีเพศสัมพันธ์กับพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูง
ส่วนจเรตำรวจเผยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานโดยสำนักงานของเขา มีวุฒิสมาชิกอีกคนที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าประเวณีนี้เช่นกัน พร้อมระบุว่าเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นภายใต้การช่วยเหลือและสมคบคิดของตำรวจหลายนาย ในนั้นรวมถึงพลตำรวจเอก โรดอลโฟ ปาโลมิโน ผู้บัญชาการตำรวจ
ในส่วนของข้อกล่าวหาดักฟังขึ้นก็เกี่ยวข้องกับคดีนี้เช่นกัน โดยตำรวจหลายนายถูกกล่าวหาดักฟังโทรศัพท์ของพวกผู้สื่อข่าวที่กำลังตรวจสอบเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว